ผู้คนคราวนี้มักจะตั๋วแลกเงินมือถือทุกๆ 5 ไม่ใช่หรือ 10 นาที โดยไม่รู้ตัว ใช่ไหมบังคับบัญชาตัวเองไม่ให้ทำแบบนั้นได้ลำบากลำบน โดยที่เราไม่รู้สึกตัวเองเลยว่าเริ่มมีท่าทางแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร ถึงกระนั้นรู้ตัวอีกทีเราก็เอาแต่รูดหน้าจอเกือบทุกเมื่อเชื่อวัน
หลายๆ คนอาจจะรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องดีเท่าไร เพราะมันทำให้เราไม่เชี่ยวชาญโฟกัสกับเรื่องที่เด่นได้นานๆ พร้อมด้วยคงตามมาด้วยความเครียด
Frances Booth ผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับการใช้ชีวิตินทรีย์ในคราวดิจิทัล กะเกณฑ์ว่ามีหลายๆ เหตุที่ทำให้เราก่อลักษณะพิเศษติดการเช็คมือถือบ่อยๆ ขึ้นมา ราวกับ ความกลัวที่จักพลาดข่าวสาร ตามโลกไม่ทันการ ซึ่งเป็นท่าทางที่ฝรั่งเรียกกันว่า Fear of Missing Out (FOMO) ซึ่งเป็นความคาดหมายพร้อมทั้งความกดดันที่เราเนรมิตขึ้นมาเอง จนกลายเป็นว่าเราต้องดราฟท์มือถืออัตโนมัติ
ลักษณะพิเศษแบบนี้ก็เปรียบเสมือนกับอุปนิสัยอื่นๆ เมื่อต่อขึ้นมาได้ก็ย่อมทำให้หายไปได้ ซึ่งต้องจัดการกับสมองของเราเอง ตัดความเชื่อมระหว่างพระราชดำริกับการใช้คืนอินเทอร์เน็ตออกจากกัน
คำถามคือ แล้วต้องใช้เวลานานแค่ไหน กระทั่งที่เราจะประดิษฐ์ลักษณะพิเศษใหม่ๆ ที่ดีกว่าเดิมขึ้นมาได้ คำตอบคือมันต้องอาศัยความต่อเนื่องของนิสัยใหม่ๆ จนกลายเป็นความเคยชิน พร้อมด้วยมันกลายเป็นลักษณะพิเศษประจำตัวที่ขึ้นมาทำแทน
จากงานวิจัยที่เกี่ยว ออกกฎว่าจะต้องใช้ช่วง 66 วันในการสร้างลักษณะพิเศษใหม่ๆ เสียแต่ว่ามันก็ขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย ด้วยกันหลายๆ สถานการณ์ แต่โดยเฉลี่ยแล้วก็คือ 66 วัน
นักวิจัยบอกว่าการทำลายนิสัยเดิมๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย ถึงแม้ว่าคุณจะมีความต้องการอย่างแรงกล้าขนาดไหน และถ้าคุณยิ่งไม่แน่ใจว่าจะทำมันได้หรือเปล่า คุณก็ยิ่งอยู่ห่างไกลจากคำว่า สำเร็จ มากขึ้นไปอีก
เหตุฉะนี้อย่าได้แปลกใจที่ต้องมีเคล็ดลับมากขึ้นอีกนิดหากอยากจะเลิกพฤติกรรมเช็คมือถือตลอดเวลา สิ่งที่ต้องมีก็คือ ความมั่นใจ ว่าคุณอยากจะเลิกพฤติกรรมนี้จริงๆ
งานวิจัยอีกงานระบุว่า เมื่อเทียบกับปัจจัยกระตุ้นอื่นๆ แล้ว สื่อ คือแรงกระตุ้นที่ปฏิเสธได้ยากกว่า ไม่น่าแปลกใจที่มันจะต้องใช้ความพยายามมากขึ้นอีกนิด และทำให้มันค่อยเป็นค่อยไป
นี่คือขั้นตอนง่ายๆ ที่คุณควรทำ หากอยากเลิกนิสัยติดมือถือ
-เริ่มต้นด้วยการวัดผล เพื่อให้เห็นภาพรวมว่าจริงๆ แล้วคุณเช็คมือถือบ่อยแค่ไหน แพลทฟอร์มอะไรที่คุณใช้มากที่สุด และนับเป็นรายชั่วโมง ลองจดบันทึกสิ่งเหล่านี้ แล้วสรุปออกมาว่าในแต่ละวันคุณหยิบมือถือขึ้นมาดูบ่อยแค่ไหน
-ลองตั้งค่าการใช้งานโซเชียลมีเดียและอีเมลให้ต้องกรอก Username และ Password ทุกครั้งที่เข้าใช้งาน เพื่อไม่ให้คุณเข้าถึงมันได้ง่ายๆ แบบอัตโนมัติทุกครั้ง
-ลองสังเกตดูว่าคุณพิมพ์รหัสผ่านได้เร็วแค่ไหน แล้วพยายามทำให้มันช้าลง ทำอย่างมีสติและรอบคอบ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณอยากจะ Log in จริงๆ ไม่ใช่ทำไปเพราะความเคยชิน
-หยุดคิด 1 จังหวะเมื่ออยากจะ Log in เช่น ก่อนที่นิ้วมือของคุณแตะลงไปบนไอค่อน หรือก่อนที่มือของคุณจะหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา อย่างน้อยก็คิดดีๆ ว่าจำเป็นที่จะต้องทำตอนนี้ เดี๋ยวนี้ จริงเหรือเปล่า
-สำหรับคนที่อยากใช้วิธีหักดิบ ลองวางมือถือทิ้งไว้ให้ไกลๆ ตัว หรือวางไว้ในลิ้นชักหรือห้องอื่นๆ ที่คุณไม่ได้อยู่เป็นประจำ
-ลองตั้งค่าการใช้งานโซเชียลมีเดียและอีเมลให้ต้องกรอก Username และ Password ทุกครั้งที่เข้าใช้งาน เพื่อไม่ให้คุณเข้าถึงมันได้ง่ายๆ แบบอัตโนมัติทุกครั้ง
-ลองสังเกตดูว่าคุณพิมพ์รหัสผ่านได้เร็วแค่ไหน แล้วพยายามทำให้มันช้าลง ทำอย่างมีสติและรอบคอบ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณอยากจะ Log in จริงๆ ไม่ใช่ทำไปเพราะความเคยชิน
-หยุดคิด 1 จังหวะเมื่ออยากจะ Log in เช่น ก่อนที่นิ้วมือของคุณแตะลงไปบนไอค่อน หรือก่อนที่มือของคุณจะหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา อย่างน้อยก็คิดดีๆ ว่าจำเป็นที่จะต้องทำตอนนี้ เดี๋ยวนี้ จริงเหรือเปล่า
-สำหรับคนที่อยากใช้วิธีหักดิบ ลองวางมือถือทิ้งไว้ให้ไกลๆ ตัว หรือวางไว้ในลิ้นชักหรือห้องอื่นๆ ที่คุณไม่ได้อยู่เป็นประจำ
การสร้างนิสัยใหม่ต้องใช้พลังใจมากพอสมควร แต่มันจะกลายเป็นอุปนิสัยใหม่ๆ ได้ในที่สุด โดยที่คุณจะทำมันได้ทันทีแบบไม่ต้องคิด เหมือนๆ กับที่ตอนนี้คุณเช็คมือถือโดยไม่ต้องคิด
ที่สำคัญที่สุดคือ การตัดนิสัยเช็คมือถือบ่อยๆ โดยไม่จำเป็นออกไป จะทำให้คุณสร้างผลงานดีๆ ได้อีกมาก และใช้ชีวิตได้อย่างสมดุลยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ โดยส่วนตัวแล้วยังเชื่อว่า ทุกวันนี้เราสนใจเรื่องของคนอื่นมากเกินไป จนโฟกัสกับตัวเองน้อยลง และพัฒนาตัวเองได้อย่างเชื่องช้า การตัดขาดโลกออนไลน์ซะบ้างน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตมากกว่า